รู้ตัวได้อย่างไรว่ากำลังมีการตั้งครรภ์
อาการตั้งครรภ์
อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีการตั้งครรภ์ คือ- ประจำเดือนขาดหายไป
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และจะมีอาการตั้งครรภ์ลักษณะนี้มากในช่วงเช้า
- อยากทานอาหารอะไรแปลกๆ
- รู้สึกอ่อนเพลีย อารมณ์ขึ้นๆลงๆ แปรปรวนง่าย
- อาจมีอาการปวดศีรษะบ่อยครั้งมากขึ้น แต่ไม่รุนแรงมากนัก
- เต้านมและหัวนมจะขยายใหญ่ขึ้น อาจทำให้รู้สึกเจ็บคล้ายกับตอนใกล้มีประจำเดือน
- ปวดปัสสาวะบ่อย เป็นเพราะขนาดมดลูกที่โตขึ้นจึงไปเบียดทับกระเพาะปัสสาวะ กระตุ้นให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
ถ้าหากยังไม่แน่ใจว่ามีการตั้งครรภ์รึเปล่า แนะนำให้ไปซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ ถ้าขึ้น 2 ขีด ก็แสดงความยินดีด้วยค่ะ คุณมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้ว ^^ หรือหากยังไม่ชัดเจน ให้ไปพบสูตินารีแพทย์ค่ะ
แพทย์จะวินิจฉัยได้ยังไงว่าคุณมีการตั้งครรภ์แล้ว ?
แพทย์จะทำการตรวจการตั้งครรภ์โดย สอบถามอาการต่างๆ สอบถามประวัติการมีเพศสัมพันธ์ สอบถามประวัติการขาดประจำเดือน และทำการตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และตรวจโดยการนำปัสสาวะไปตรวจดูผลการตั้งครรภ์
เมื่อรู้ว่ามีการตั้งครรภ์แล้ว ควรไปพบคุณหมอตอนไหน ?
เมื่อรู้ว่าตัวเองมีการตั้งครรภ์ควรรีบไปพบคุณหมอทันทีที่ทำได้ เพื่อที่จะทำการฝากครรภ์ให้อยู่ในการดูแลของคุณหมอ และเพื่อตรวจหาอายุครรภ์ที่แน่นอน หรือมีภาวะเสี่ยงในการตั้งครรภ์รึเปล่า นอกจากนี้ยังต้องมีการเจาะเลือดไปตรวจเพื่อตรวจดูว่ามีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) หรือไม่ รวมไปถึงการตรวจอย่างละเอียด เช่น ตวรจโรคธาลัสซีเมียด้วย เพื่อการดูแลทารกอย่างใกล้ชิดตั้งแต่อยู่ในครรภ์
คุณแม่จะสามารถดูแลตัวเองได้ยังไงเมื่อมีการตั้งครรภ์
การดูแลตัวเองขณะที่มีการตั้งครรภ์นั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย และที่สำคัญก็คือ
- การเลือกรับประทานอาหาร
คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์ควรได้รับสารอาหารมากขึ้นกว่าปกติ ประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อหนึ่งวัน คุณแม่ควรได้รับธาตุเหล็กเสริมด้วยในระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเมื่อมาฝากครรภ์กับคุณหมอ คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์จะได้รับธาตุเหล็กในรูปของยาเม็ดกลับไป และควรทานยานี้วันละหนึ่งเม็ดตลอดการตั้งครรภ์
- การออกกำลังกาย
ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ ถ้าหากการออกกำลังกายชนิดนั้นไม่ทำให้มีอาการเหนื่อยเกินไปหรือเป็นการออกกำลังกายชนิดที่จะทำให้เกิดอันตราย ก็สามารถออกกำลังกายได้ค่ะ แต่แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆจะดีกว่าค่ะ
- การทำงาน
ควรหลีกเลี่ยงงานที่ต้องออกกำลังมาก ไม่ควรทำงานต่อเนื่องจนเกิดอา การเหนื่อยมาก ควรมีเวลาพักระหว่างวัน หญิงตั้งครรภ์ที่เคยคลอดบุตรน้ำหนักน้อยมาก่อนควรจำกัดการทำงานไม่ให้มากเกินไป
- ปัญหาท้องผูกของผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์
ส่วนใหญ่คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะพบกับปัญหาท้องผูก และอาจทำให้มีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารหนักได้ แนะนำให้พยายามป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องผูก โดยดื่มน้ำเยอะๆ ทานอาหารที่มีกากใยอาหารมากขึ้น (เน้นผักและผลไม้) และออกกำลังกายบ้าง
- การมีเพศสัมพันธ์
คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ยกเว้นในช่วงที่เข้าเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ไปจนถึงการคลอด
- การสูบบุหรี่
หากคุณมีการตั้งครรภ์แล้ว ทั้งคุณแม่และสามีควรงดการสูบบุหรี่ เพราะจะมีผลต่อน้ำหนักตัวของเจ้าตัวน้อยในครรภ์
- การดื่มแอลกอฮอล์
คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์ ไม่ควรดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในระหว่างการตั้งครรภ์ เนื่องจากจะส่งผลทำให้เกิดภาวะทารกมีการเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ มีรูปร่างพิการแต่กำเนิด หรืออาจจะทำให้ปัญญาอ่อนได้
เมื่อมีการตั้งครรภ์ มีข้อห้ามอะไรบ้าง ?
ข้อห้ามสำคัญในขณะที่คุณมีการตั้งครรภ์ คือ ห้ามใช้ยารักษาอาการเจ็บป่วย การทานยาทุกชนิดควรอยู่ในการดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด เพราะในตัวยาบางชนิดอาจส่งผลให้ทารกพิการได้
และนอกจากนี้ หากคุณแม่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคธาลัสซีเมีย แนะนำให้รีบไปฝากครรภ์กับคุณหมอเพื่อตรวจประเมินความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ว่า ในการตั้งครรภ์นี้จะส่งผลเสียต่อมารดาและทารกในครรภ์หรือไม่
อ่านเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับการตั้งครภ์ อาหารคนท้อง อาการคนท้อง อาการตั้งครรภ์ เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการอยากมีลูก ทั้งหมดได้ที่ http://women.sanook.com/mom-baby/pregnancy/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น