วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

อุ้มท้องสู้ไทรอยด์เป็นพิษ

คุณแม่! อุ้มท้องสู้ไทรอยด์เป็นพิษ...

การตั้งครรภ์
"ผอมจังเลย อดอาหารหรือเปล่า"
ตั้งแต่เด็กจนโตใครๆก็ทักไอด้า (ไอรดา ศิริวุฒิ อายุ 25 ปี) อย่างนี้ค่ะ เพราะรูปร่างผอมและมีอาชีพเป็นนางแบบ คนทั่วไปจึงตั้งข้อสงสัยว่าอดอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนัก ทว่า ที่จริงแล้วไอด้าอยากมีน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐาน รูปร่างสมส่วนและผิวพรรณมีน้ำมีนวลมากกว่านี้
ตั้งแต่เด็กจึงพยายามเพิ่มน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับปกติ ด้วยการกินอาหารปริมาณมากๆ แต่ไม่เคยสำเร็จสักที เพราะน้ำหนักตัวไม่เคยแตะถึง 40 กิโลกรัม ทั้งที่สูงถึง 165 เซนติเมตร ส่วนสุขภาพก็ไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก มักวูบเป็นลมอยู่บ่อยๆ
อาการนี้เป็นสืบเนื่องมาจนโต โดยเฉพาะวันที่ต้องถ่ายแบบหรือถ่ายทำรายการนอกสถานที่ จะหน้ามืดและวูบเกือบทุกครั้ง ทว่า ตัวเองกลับไม่เคยคิดว่าร่างกายผิดปกติ เพราะเป็นคนอยู่ไม่สุข ชอบทำงาน และรู้สึกว่าตัวเองมีพลังตลอดเวลา จึงไม่เคยตรวจสุขภาพ
กระทั่งเดือนมกราคม พ.ศ.2555 น้ำหนักลดลงไปอยู่ที่ 36 กิโลกรัม เรียกว่ารูปร่างผอมจนมองเห็นกระดูกชัดเจน ถ่ายแบบออกมาดูไม่สวย พี่ๆช่างภาพและสไตลิสท์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ร่างกายผิดปกติแน่นอน คราวนี้จูงมือสามี(แอมมี่- ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์)ไปตรวจร่างกายเป็นเพื่อนด้วย
ความคิดที่ว่า "ฉันเป็นคนผอมจึงร่างกายอ่อนแอ" ถูกหักล้างไปหมดสิ้นเพราะคุณหมอวินิจฉัยว่าไอด้าไม่ใช่คนผอมแต่เป็นผู้ป่วยค่ะ
สามโรครุมเร้า เราสอง
"เป็นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์และไทรอยด์เป็นพิษนะครับ โรคนี้ส่งผลถึงลูกด้วย" คุณหมอกล่าว ไอด้าและสามี มองหน้ากันอย่างงุนงง ความตั้งใจแรกของเราสองคนคือ มาตรวจร่างกายและหาสาเหตุว่า ทำไมน้ำหนักตัวไอด้าลดลงอย่างรวดเร็ว ทันทีที่คุณหมอบอกว่าเป็นโรคไทรอยด์ก็เข้าใจทันที เพราะคุณลุงและคุณอาเป็นโรคไทรอยด์เช่นกันแต่เป็นชนิดไฮโปไทรอยด์คือ ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมาน้อยผิดปกติ ทำให้น้ำหนักตัวมาก ตัวบวมฉุ เฉื่อยชา เป็นต้น แต่ไอด้าเป็นตรงกันข้ามคือ ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนออกมามากผิดปกติ ทำให้น้ำหนักตัวลด นอนไม่หลับ ใจสั่น และอยู่ไม่นิ่ง เป็นต้น แต่คำวินิจฉัยประโยคหลังของคุณหมอ ทำให้ไอด้าและสามีนิ่งอึ้งไปสักพัก คุณหมอขยายความอย่างตรงไปตรงมาว่า
"อายุการตั้งครรภ์ประมาณหนึ่งเดือน ปกติผู้ป่วยโรคนี้จะไม่สามารถมีลูกได้จนกว่าหลังจากรักษาโรคให้หายขาด 2 ปี เพราะโรคนี้ส่งผลให้หัวใจของแม่ทำงานหนัก สุขภาพของแม่และลูกจะแย่ทั้งคู่ โดยเฉพาะในช่วงที่ไทรอยด์มีค่าความเป็นพิษสูงมากเช่นนี้ จะยิ่งอันตราย"
เมื่อถามถึงวิธีรักษา คุณหมอกล่าวว่าโรคไทรอยด์เป็นพิษไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดหรือกลืนรังสีได้ ต้องกินยาควบคุมอาการและดูแลสุขภาพให้ครบด้าน ร่างกายจึงจะดีขึ้น วันนั้นไอด้าจึงได้ยามากินพร้อมกับการบ้านที่ต้องเก็บมาคิดว่าจะยุติการตั้งครรภ์หรือไม่ นอกจากนี้คุณแม่ของแอมมี่ยังเตือนให้ไปตรวจเลือด เนื่องจากคุณแม่และพี่สาวแอมมี่เป็นโรคธาลัสซีเมีย เราสองคนรีบทำตาม ผลคือเลือดของแอมมี่ปกติแต่ของไอด้าเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมีย เราสองคนแปลกใจกับผลตรวจเลือดมาก จึงตรวจเลือดอีกครั้งกับโรงพยาบาลแห่งใหม่ ผลออกไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลแห่งแรก เราสองคนยังไม่ปักใจเชื่อเดินทางไปตรวจโรงพยาบาลแห่งที่สามแต่ผลการตรวจเลือดยังยืนยันออกมาว่าของแอมมี่ปกติ ส่วนไอด้าเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมีย ผู้ที่เป็นพาหะโรคนี้จะไม่มีอาการป่วย แต่จะมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบเลือด เช่น เลือดจาง ในที่สุด เราสองคนต้องยอมรับว่าการตั้งท้องครั้งนี้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งแม่และลูกสูงมาก ทว่า คุณหมอแนะนำว่ายังมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะปลอดภัยทั้งแม่และลูก หากดูแลสุขภาพและกินยาควบคุมอาการไทรอยด์อย่างเคร่งครัด
เมื่อรู้ว่ายังมีความหวัง ไอด้าก็ลุกขึ้นมาปฏิวัติสุขภาพทันทีอย่างแรกคือ หักดิบการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปค่ะ งานนี้ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตั้งแต่เด็กๆ นอกจากเลิกกินของชอบแล้วยังต้องทำใจกินอาหารที่ไม่ชอบด้วย เพราะไม่กินผักมาตั้งแต่เด็ก แรกๆต้องกลั้นใจกิน แต่ระยะหลังก็สามารถกินได้โดยไม่รู้สึกทรมาน เพราะเพื่อสุขภาพตัวเองและลูก ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ค่ะ
ถึงอย่างนั้นก็ตาม น้ำหนักตัวขณะตั้งท้องยังต่ำกว่าเกณฑ์มาก เชื่อไหมคะขนาดท้องแปดเดือนไอด้ายังถ่ายแบบได้ตามปกติ เพราะรูปร่างเหมือนเดิม ไม่มีหน้าท้องยื่นออกมาเหมือนคนท้องอื่นๆ
คุณหมอประจำตัวเห็นอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดี จึงให้เพิ่มน้ำหนักตัวให้มากที่สุด ตอนนั้นเกือบจะถอดใจแล้ว เพราะพยายามบำรุงทุกทางน้ำหนักตัวก็ยังไม่ขึ้น แต่บอกตัวเองให้ฮึดเฮือกสุดท้าย หยุดทำงาน พักผ่อนเต็มที่ ไม่เครียด และกินอาหารมีประโยชน์บำรุงร่างกาย
ความตั้งใจสำเร็จได้ด้วยดี เมื่อน้ำหนักก่อนคลอดพุ่งขึ้นจาก 40 กิโลกรัมเป็น 55 กิโลกรัม คราวนี้หน้าท้องยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผลที่ตามมาคือ ปวดหลังมาก เพราะต้องแบกน้ำหนักตัวที่มากขึ้นอย่างกะทันหัน ทว่า ไม่นานก็ถึงเวลาผ่าคลอด เวลาที่เราจะได้พบกับคนที่สู้เพื่อเขามาตลอดเก้าเดือน
ไทรอยด์เป็นพิษ VS พฤติกรรมทำพิษ
เมื่อถึงวันนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไอด้าและสามีเดินทางไปโรงพยาบาล เพื่อผ่าคลอดหลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ คุณหมอทำการผ่าตัดนำเด็กผู้หญิงตัวน้อย รูปร่างจ่ำม้ำ น้ำหนักแรกเกิดกว่าสามพันกิโลกรัมออกมา สามีตั้งชื่อไว้ให้เธอว่า ลัลลาเบล แก้ววิบูลย์พันธุ์
คุณหมอตรวจร่างกายให้เธอโดยตรวจหาความผิดปกติเกี่ยวกับไทรอยด์ ผลคือมีความผิดปกติเล็กน้อย เนื่องจากได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ ขณะการตั้งครรภ์ อาจฟังดูเป็นข่าวร้าย แต่ข่าวดีคือ เมื่อเธอโตขึ้นร่างกายจะปรับและแข็งแรงขึ้นจนเป็นปกติ ส่วนโรคธาลัสซีเมียนั้นต้องตรวจเมื่อทารกน้อยโตกว่านี้
ทุกอย่างดูเรียบร้อย ทว่า หลังคลอดเพียงสองวัน ไอด้าปวดหัวมาก มากเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง คุณหมอตรวจดูแล้วพบว่าน้ำในไขสันหลังรั่ว พบได้ในผู้ที่บล็อคหลังเพื่อผ่าคลอด แต่มีโอกาสเกิดน้อย ส่งผลให้ปวดหัวมาก
วิธีรักษามีสองทางคือ ฉีดน้ำเข้าไขสันหลังกลับเข้าไปหรือดื่มน้ำเข้าไปอย่างน้อยวันละสามลิตรเพื่อทดแทนน้ำในไขสันหลัง
คุณอาซึ่งเป็นคุณหมอทำคลอดแนะนำให้ดื่มน้ำเข้าไปทดแทน เพราะเป็นวิธีที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอีก ห้าวันหลังคลอดไอด้าจึงต้องนอนราบยี่สิบสี่ชั่วโมงและดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำสามลิตร นับเป็นความทรมานจริงๆ
เมื่ออาการปวดหายไป ไอด้ากลับมาทำหน้าที่คุณแม่ เพราะตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะให้นมและเลี้ยงลูกเอง โชคดีที่ลัลลาเบลเป็นเด็กเลี้ยงง่าย อารมณ์ดี และแข็งแรง (ถ้าไม่นับโรคไทรอยด์ที่สามารถหายเองเมื่อโต) ตรงกันข้ามกับไอด้าที่โรคไทรอยด์กำเริบอีกครั้ง
คราวนี้เรียกได้ว่าเป็นเพราะความลืมตัว เนื่องจากสนุกกับการเลี้ยงลูก บวกกับเริ่มกลับมาทำงานในวงการอีกครั้ง ร่างกายที่ยังไม่ทันฟื้นฟูเต็มที่ก็ทรุดลง โดยแสดงออกชัดเจนผ่านอาการเหนื่อยง่ายผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองโต และผื่นบริเวณลำคอ จากประสบการณ์รู้ดีว่าสองอาการหลังไม่ใช่อาการของโรคไทรอยด์แน่นอน ซึ่งผลตรวจร่างกายก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเป็นอาการของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ สาเหตุเกิดจากพักผ่อนน้อยและกินอาหารไม่เป็นเวลา
เมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือนของอาการตั้งครรภ์ ไอด้าจึงย้อนวงจรการใช้ชีวิตกลับสู่ช่วงตั้งท้องอีกครั้ง คือ กินอาหารสุขภาพและพักผ่อน ครั้งนี้พิเศษกว่าเดิมตรงที่ออกกำลังกายด้วยค่ะ เพราะรู้ตัวดีว่าไม่เคยออกกำลังกายเลย ทุกเช้าไอด้าจะตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อตื่นไปออกกำลังกายพร้อมกับสามี ที่สวนหน้าหมู่บ้าน ไอด้าเลือกปั่นจักรยาน เพราะช่วยให้ได้ออกแรงและสูดอากาศบริสุทธิ์ เชื่อไหมคะว่าช่วยให้รู้สึกดีและกระชุ่มกระชวยมาก อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการกินอาหารโดยเฉพาะผัก อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าเป็นคนไม่ชอบกินผัก ทว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพื่อลูกตลอดเวลา
เก้าเดือน ทำให้ไอด้าค้นพบว่าพืชผักต่างๆล้วนมีส่วนช่วยซ่อมแซมและสร้างสุขภาพจริงๆ
ไอด้านึกไม่ออกเลยว่า หากช่วงตั้งท้องเก้าเดือนไม่กินผักและอาหารมีประโยชน์ สุขภาพของตัวเองและลูกจะเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากเลือกกินเพียงแค่เก้าเดือนและกลับไปตามใจปากเหมือนเคย รูปร่างและผิวพรรณคงแย่กว่านี้ เนื่องจากโรคไฮเปอร์ไทรอยด์จะทำให้ผิวพรรณหม่นหมองและตาโปน นอกจากนี้การกินผักยังช่วยให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยมากขึ้นด้วย ความอดทนและมุ่งมั่นในการดูแลสุขภาพที่ผ่านมา จึงไม่เพียงส่งผลดีต่อลูกเท่านั้นแต่ส่งผลดีต่อตัวไอด้าเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต
เพราะสิ่งที่ต้องต่อสู้อย่างแท้จริงไม่ใช่โรคภัย แต่เป็นพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพต่างหากค่ะ
"คุณหมอกล่าวว่าโรคไทรอยด์เป็นพิษไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดหรือกลืนรังสีได้ ต้องกินยาควบคุมอาการและดูแลสุขภาพให้ครบด้าน ร่างกายจึงจะดีขึ้น วันนั้นไอด้าจึงได้ยามากินพร้อมกับการบ้านที่ต้องเก็บมาคิดว่าจะยุติการตั้งครรภ์หรือไม่"
"หลังคลอดเพียงสองวัน ไอด้าปวดหัวมาก มากเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง คุณหมอตรวจดูแล้วพบว่าน้ำในไขสันหลังรั่ว ... คุณหมอทำคลอดแนะนำให้ดื่มน้ำเข้าไปทดแทน เพราะเป็นวิธีที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอีก ห้าวันหลังคลอดไอด้าจึงต้องนอนราบยี่สิบสี่ชั่วโมงและดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำสามลิตร นับเป็นความทรมานจริงๆ"
อ่านเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับการตั้งครภ์ อาหารคนท้อง อาการคนท้อง อาการตั้งครรภ์ เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการอยากมีลูก ทั้งหมดได้ที่ http://women.sanook.com/19029/

5 เทคนิคแต่งหน้าลัดๆ ช่วยให้ชีวิตสาวๆ ง่ายขึ้นเยอะ

5 เทคนิคแต่งหน้า ช่วยให้ชีวิตสาวๆ ง่ายขึ้นเยอะ

สาวๆ จ๋า ถามหน่อยจิ คุณใช้เวลาในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง กว่าจะได้ออกจากบ้านกี่นาทีกันคะ??? บางคนตอบ 10 นาที บางคน 30 นาที หรือสาวๆ บางคนใช้เวลาแต่งหน้าเป็นชั่วโมงขึ้นไปเลยก็มีนะ ^^
เอาเป็นว่าจะใช้เวลาแต่งหน้ากี่นาทีก็ไม่สำคัญ เพราะแต่ละขั้นตอนนั้นสามารถช่วยให้คุณสาวๆ สวยขึ้นได้ก็เป็นพอเนอะ สิ่งสำคัญ คือจะแต่งหน้าอย่างไรให้ออกมาสวยง่ายที่สุด นั่นคือคำตอบที่สาวๆ อยากรู้ใช่ไหมคะ
วันนี้ Sanook! Women มี 5 เทคนิคแต่งหน้าใสๆแบบลัดๆ ช่วยให้ชีวิตการแต่งหน้าของคุณง่ายขึ้นเยอะ และเนรมิตให้คุณสวยได้ในเวลาอันรวดเร็ว บอกเลยว่ารู้ไว้ซะ! แล้วชีวิตที่ยุ่งยากจะง่ายดายยิ่งขึ้นเยอะเลยค่ะ เริ่มกันที่...
1 เทคนิคขนตาหนาเด้งด้วย "แป้งฝุ่น"
แต่งหน้า
สาวๆ ที่ไม่ชอบติดขนตาสุดสะพรึง เตรียมยิ้มได้เลย เพราะวิธีการง่ายมากๆ ค่ะ เพียงแค่ปัดมาสคาร่า 1 ครั้ง จากนั้นใช้คอตตอนบัดจุ่มแป้งฝุ่น แล้วนำมาปัดที่ขนตา ตั้งแต่หัวตาถึงหางตา รอให้แห้ง ปัดมาสคาร่าทับอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็ทำให้ขนตาของคุณหนาขึ้น เด้งขึ้นเป็นเท่าตัวแล้วค่ะ
2 เติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม น่าจุ๊บๆ
แต่งหน้าใสๆ
สาวๆ ริมฝีปากเล็ก เตรียมอุปกรณ์ 2 สิ่งคือ "ดินสอเขียนขอบปาก" และ "ลิปสติกสี" แล้วมาทางนี้เลยจ้า มาเพิ่มเรียวปากให้น่าจุ๊บๆ กัน ขั้นตอนเพียงแค่ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีที่ชอบวาดกรอบด้านบนเลยริมฝีปากจริงเล็กน้อย จากนั้นวาดริมฝีปากด้านล่างด้วย เติมลิปสติกสีทับลงไปให้ทั่ว เพียงเท่านี้ เรียวปากของคุณ ก็สวยอิ่มเอิบแล้วจ้า
3 ปัญหาลิปสติกเลอะฟันจะหมดไป ถ้าใช้นิ้วมือช่วย


สำหรับสาวๆ ที่ชอบทาลิปสติก โดยเฉพาะสีเข้มๆ เห็นชัดๆ อย่างสีแดงด้วยแล้ว ปัญหานี้คงเกิดขึ้นแน่ๆ กับการที่ลิปสติกสีโปรดจะเข้าไปติดตามซอกฟัน จะยิ้มทีนี่แดงยันเหงือกก็ไม่ไหว งั้นมาดูวิธีแก้ง่ายๆ กันค่ะ เพียงแค่ทาลิปบาล์มให้ทั่วริมฝีปาก แล้วใช้ดินสอเขียนขอบปากเขียนทับ ทาลิปสติกสีโปรดของคุณให้ทั่ว จากนั้นวางนิ้วเข้าไปในปาก แล้วเม้มปากกับปลายนิ้วเป็นรูปตัว O ค่อยๆ ดึงนิ้วออกมา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยกำจัดลิปสติกที่ทาล้นไปด้านในของปากให้หลุดติดนิ้วออกมาอย่างง่ายดายแล้วค่ะ
อ่อ ก่อนและหลังทำวิธีนี้ คุณสาวๆ อย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยนะคะ ไม่งั้นเค็มไม่รู้ด้วยนะ คิคิ
4 สก๊อตเทป/นามบัตร ตัวช่วยให้การแต่งตาง่ายขึ้นเยอะ
วิธีแต่งหน้า

เพียงแค่คุณหยิบ "สก๊อตเทป" หรือ "นามบัตร" บนโต๊ะทำงานมาเป็นตัวช่วยสำหรับการแต่งตา ชีวิตของคุณจะง่ายขึ้นเยอะจริงๆ นะคะ วิธีคือ แปะสก๊อตเทปที่หางตา หรือ วางทาบนามบัตร ให้อยู่ในระดับที่เฉียงขึ้นระหว่างปีกจมูกและหางคิ้ว จากนั้นทาอายแชโดว์ทับได้เลย ค่อยๆ ดึงสก๊อตเทป/นามบัตรออก เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ เส้นสีตาที่เฉี่ยว คมชัดขึ้นอย่างง่ายดาย แถมไม่เลอะเทอะแล้วค่ะ

5 ทาลิปสติกให้ติดทนทาน นานหายห่วง
เบื่อไหมกับการที่ต้องทาปากซ้ำ เพื่อให้สีลิปสติกสวยทนตลอดวัน หากเบื่อมีเทคนิคง่ายๆ มาฝากค่ะ เพียงแค่เริ่มด้วยการทาลิปสติกตามปกติ แล้วนำกระดาษทิชชู่มาแปะไว้ที่ริมฝีปาก ใช้นิ้วมือกดให้ทั่วริมฝีปากเพื่อดูดซับสีลิปสติกส่วนเกิน จากนั้นใช้แปรงปัดแก้มแตะแป้งฝุ่นเล็กน้อย ปัดลงบนกระดาษทิชชู่บนปาก แล้วดึงกระดาษออก เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ลิปสติกติดทนนานตลอดวันแล้วค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 5 เทคนิคแต่งหน้าแบบลัดๆ ที่ Sanook! Women นำมาฝาก ช่วยให้ชีวิตการแต่งหน้าของสาวๆ ง่ายขึ้นบ้างไหมเอ่ย หากสาวๆ มีเทคนิคเจ๋งๆ เช่นนี้ นำมาแชร์ ส่งต่อความสวยกันได้นะ ^^
อัพเดทเรื่องความสวยความงาม เทรนการแต่งหน้า และความรู้เรื่องผู้หญิง ทั้งหมดได้ที่นี่ http://women.sanook.com/beauty/makeup/

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

ไขข้อสงสัย “ตั้งครรถ์แล้วกินทุเรียนได้ไหม?”

ไขข้อสงสัย “การตั้งครรถ์แล้วกินทุเรียนได้ไหม?”

เป็นปกติสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้องหรืออาการคนท้อง อยากจะกินนู้นอยากจะกินนี้ไปซ่ะหมด ยิ่งทุเรียนแล้วละก็ทั้งกลิ่นที่เตะจมูก หอมโชย ทั้งรสชาติหอมหวาน ช่างยั่วยวนชวนกิน และก็มีอีกหลายๆ คนที่สงสัยว่าหากกำลังตั้งครรภ์อยู่สามารถรับประทานทุเรียนได้ไหม วันนี้เราจะพามาไขความข้องใจ และบอกถึงประโยชน์ของการรับประทานทุเรียนกัน

ในทุเรียนนั้น มี “โฟเลต” จำเป็นต่อร่างกายและสามารถที่จะช่วยป้องกันความพิการ หยุดภาวะอัลไซเมอร์ ได้ดี โฟเลตเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญกับคนทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ แม่ก็ต้องการโฟเลตมาก ประโยชน์ของโฟเลตนั้นมีความสำคัญที่จะช่วยพัฒนาตัวอ่อนในระหว่างการพัฒนาในครรภ์ให้มีการเติบโต และลดภาวะการเกิดปากแหว่งเพดานโหว่ได้  และกระดูกสันหลังไม่ปิดได้ซึ่งโฟเลตนั้นจะมีการหลั่งสารซีโรโทนิน ซึ่งจะควบคุมการนอน ความอยาก ความหิว และอาหารซึมเศร้าต่างๆอีกด้วย 
แต่ถึงอย่างไรควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะว่าทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและให้พลังงานสูงมาก ทุเรียนซึ่งเป็นแหล่งที่มีโฟเลตมากที่สุด สามารถรับประทานเพียง 2 เม็ด ก็จะเท่ากับ ร้อยละ 50 ของปริมาณที่แนะนำต่อวันแล้วจะเท่ากับโฟเลตที่ควรได้รับต่อวันแล้ว สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจจะลดลงมาเหลือแค่ 1 เม็ดเท่านั้น อย่าทานแต่ทุเรียนเพียงอย่างเดียว ต้องเน้นให้มื้ออาหารมีความหลากหลาย สับเปลี่ยนหรือรับประทานอาหารหลายๆชนิด แต่ต้องพอดี ไม่ทานอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะทำให้เกิดความสมดุล ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เพื่อพัฒนาการที่ดีของทารกในครรภ์ด้วย
อ่านเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับการตั้งครภ์ อาหารคนท้อง อาการคนท้อง อาการตั้งครรภ์ เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการอยากมีลูก ทั้งหมดได้ที่ http://women.sanook.com/19029/

เคล็ด(ไม่)ลับหน้าใส ผิวสวย ของ มุก วรนิษฐ์

เคล็ด(ไม่)ลับหน้าใส ผิวสวย ของ มุก วรนิษฐ์

แจ้งเกิดอีกคนแล้วนะคะ สำหรับ มุก วรนิษฐ์ หรือ จูเนียร์ ในซีรีย์ รักนะเป็ดโง่ (Ugly Duckling) ตอน Perfect Match ในบทบาทสาวสวย ไฮโซ ที่ชีวิตสุดแสนจะเพอร์เฟค แต่ต้องมาหน้าพัง จากการรอยไหม ทำให้ต้องไปรักษาหน้าและเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่จังหวัดพิษณุโลก จนได้เจอกับ พี่เสือ รับบทโดย พุฒิชัย บอกเลยว่าคู่นี้เคมีเข้ากันมาก มีฉากกุ๊กกิ๊กทำเอาคนดูจิกหมอนนอนฟินกรีดร้องอยากจะเป็น น้องจู ของพี่เสือ 
ในซีรีย์เราจะเห็น น้องมุก แต่งเอฟเฟกต์หน้าสิวเขรอะทั้งหน้า วันนี้เราได้เจอมีโอกาสเจอ น้องมุก สาวน้อยหน้าใส หุ่นดี ตัวจริงหน้าไม่มีสิวเพราะน้องมุกดูแลและรักษาสิวเป็นอย่าดีไม่เหมือนในซีรีย์นะจ๊ะ สาวๆ ที่พร้อมจะไปรู้เคล็ดลับหน้าใสพร้อมล้วงลึกว่าเครื่องสำอางอะไรที่ น้องมุก ขาดไม่ได้ก่อนออกจากบ้าน ตามมาดูกันเลย
เคล็ดลับการดูแลผิว
หลักๆ เลยคือ เราต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอและทาครีมบำรุงผิวหน้าและกายเป็นประจำ แต่ช่วงที่ทำงานเยอะๆ มุกจะนอนน้อย วิธีที่มุกใช้คือ ทานวิตามินซี ทานน้ำเยอะๆ ช่วยให้เราไม่ค่อยหิวด้วยค่ะ
ตอนถ่ายซีรีย์ รักนะเป็ดโง่ ต้องแต่งเอฟเฟกต์หน้าสิว ส่งผลอะไรกับผิวหน้าเรามั๊ย
จริงๆ อาจจะมีผลต่อหน้าเราบ้าง สิวที่เห็นทำมาจากซิลิโคนค่ะ รู้สึกเหนอะๆ ผิวมุกตอนที่ถ่ายทำก็จะมีผื่นขึ้นบ้างนิดหน่อย อาจจะแพ้แอลกอฮอล์ เพราะเอฟเฟกต์ที่แต่งต้องใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดค่ะ
สไตล์การแต่งหน้าของ มุก วรนิษฐ์ 
ปกติมุกเป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้าจัดเท่าไหร่ แค่ทาแป้ง เขียนคิ้ว ให้หน้าไม่โลนเกินไปก็ออกจากบ้านได้แล้วค่ะ
จุดเด่นที่ชอบที่สุดบนใบหน้า
ดวงตาค่ะ ส่วนใหญ่จะชอบกรีดอายไลเนอร์บางๆ ปัดมาสคาร่านิดหน่อยค่ะ
จุดไหนของใบหน้าที่ไม่มั่นใจ
คงเป็นแก้มค่ะ ผู้หญิงเราก็จะไม่ชอบให้หน้าตัวเองดูบาน มุกพยายามควบคุมการกินและหาเวลาออกกำลังกาย วิ่งให้ได้ 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ เพื่อให้เราได้เบิร์นสิ่งที่เรากินหน้าจะได้เล็กลงค่ะ
เครื่องสำอาง 3 ชิ้นที่ขาดไม่ได้
- ที่เขียนคิ้ว เวลาเราไม่มีคิ้วหน้าจะดูโลนเกินไป ต้องขอเขียนคิ้วให้หน้าดูมีอะไรขึ้นมาบ้างค่ะ
- แป้งทาหน้า ระหว่างวันอาจจะมีหน้ามันบ้าง ต้องมีแป้งไว้ซับความมันสักหน่อยค่ะ
- ลิปมันหรือลิปกลอส บำรุงปากให้ชุ่มชื้น ปากจะได้ไม่แตกค่ะ
อัพเดทเรื่องความสวยความงาม เทรนการแต่งหน้า และความรู้เรื่องผู้หญิง ทั้งหมดได้ที่นี่ http://women.sanook.com/tag/รักษาสิว/

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

How To : Back to school makeup inspired by Pimtha แต่งหน้าใสๆวัยรุ่นชอบ สไตล์พิมฐา

แต่งหน้าใสๆวัยรุ่นชอบ สไตล์พิมฐา

สวัสดีค่า เบื่อกันรึยังกับการแต่งหน้าแน่นๆ
วันนี้เรามาเปลี่ยนลุคเป็นสาวมหาลัย เอาใจน้องๆเฟรชชี่กันบ้างดีกว่า
โดยลุคที่จอสจะมาแต่งในวันนี้ได้แรงบัลดาลมาจากน้องพิมฐา
เนตไอดอลที่สุดแสนจะน่ารัก สุดติ่งกระดิ่งแมว หลงรักตั้งแต่แรกพบ!
โดยลุคการแต่งหน้าของน้องก็จะออกแนวใสๆ ดูแล้วน่ารัก ดูยังไงก็ไม่เบื่อ
จอสเลยอยากจะลองแต่งลุคนี้ดูบ้าง โดยจินตนาการย้อนไปว่าเราเป็นนักศึกษามหาไร
เผื่อน้องๆที่เริ่มฝึกแต่งหน้าจะได้ลองทำตามกันดูนะคะ
ส่วนป้าๆคนไหนที่อยากแต่งหน้าลดอายุ ก็ลองดูได้ ไม่ว่ากันค่า
แต่งหน้า
ว่าแล้วเราก็ไปเริ่มกันเลย
โดยเครื่องสำอางในวันนี้จอสจะพยายามใช้ให้น้อยชิ้นนะคะ
เผื่อน้องๆที่เพิ่มหัดแต่งหน้าดูแล้วจะได้ไม่สับสน
ใครที่ยังแต่งหน้าไม่เป็นแต่มีความสนใจก็อยากให้ค่อยๆฝึกค่อยๆลองนะคะ
คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกที่เราทำแล้วมีความสุข จะได้แต่งออกมาสวยๆ
วิธีแต่งหน้า
เริ่มจากการทาบีบีครีมของ Neogence ค่ะ
ตัวนี้เค้ามีส่วนผสมของกันแดดอยู่แล้วถึง 50 เท่า
เพราะฉะนั้นเราจึงข้ามขั้นตอนกันแดดไปได้เลย แถมยังมีสารบำรุงในตัว
สำหรับน้องๆคนไหนที่ไม่อยากปกปิดอะไรมากเพราะหน้าใสอยู่แล้ว
อาจจะเปลี่ยนจากบีบีครีมมาเป็นเบสดูนะคะ เพราะปกติน้องพิมฐาเค้าจะแต่งบางๆ
แต่งหน้าใสๆ
หลังจากนั้นพี่จอยจะขอปิดแพนด้าและรอยสิวนิดนึง
เพราะผิวพี่จอยผ่านอะไรมาเยอะ ฮ่าๆๆ
ใช้คอนซีลเลอร์ของ Physicians Formula ของเค้ามีสองฝั่ง
ฝั่งที่เป็นสี yellow ใช้ปิดแพนด้าใต้ตา ส่วนสี medium ใช้ปิดรอยสิวค่ะ
จริงๆจอสจะใช้นิ้วค่อยๆเกลี่ยรองพื้นและคอนซีลเลอร์ก่อนนะคะ
แล้วถึงใช้ฟองน้ำในการเกลี่ยซ้ำอีกรอบ เพื่อเก็บรายละเอียดให้ผิวเนียนมากยิ่งขึ้น
วิธีแต่งหน้า
จากนั้นเรามาลงแป้งกันค่ะ วันนี้จอสได้แป้งดินน้ำมัน Ver. 88 ตัวใหม่มาลอง
ซึ่งตัวนี้เค้าเปลี่ยนแพ็คเกจใหม่ ดูดีขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ
แต่เนื้อแป้งยังเป็นดินน้ำมันเด้งดึ๋งเหมือนเดิม
มีสารกันแดด SPF 50+ PA+++ ช่วยปกป้องผิวมากขึ้นไปอีกระดับนึง
ครั้งนี้เราลงบีบีครีมและคอนซีลเลอร์ไปแล้ว
เวลาลงแป้งจอสเลยเลือกใช้แปรงในการเกลี่ยนะคะ
จะได้ลุคที่ไม่หนาจนเกินไป แต่จะปรับให้ผิวของเราดูเนียนและกระจ่างใสขึ้น
ส่วนใครที่มีริ้วรอยเยอะ ต้องการความปกปิดเป็นพิเศษ
แนะนำให้ใช้พัฟที่ติดมากับตลับ ก็จะปิดได้กริปยิ่งขึ้นค่ะ
เสร็จแล้วเรามาเขียนคิ้วกันค่ะ
ถ้าลองสังเกตุคิ้วน้องพิมฐาจะเห็นเลยว่าเป็นธรรมชาติมากๆ และคิ้วจะไม่โก่ง
คิ้ววันนี้เราจึงจะไม่เขียนโก่งนะ คือพยายามเขียนให้ทรงดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ไล่ไปตามแนวขนคิ้วของเรา เน้นเขียนคิ้วสั้นๆ จะได้ดูหน้าเด็ก
แล้วปัดทับด้วยมาสคาร่าคิ้ว เพื่อความเรียงตัวเป็นระเบียบของคิ้วค่ะ
จากนั้นมาที่ขั้นตอนการแต่งตาค่ะ โดยจอสจะใช้อายแชโดว์แค่สองสีตามรูปนะ
1. ลงสีทองให้ทั่วทั้งเปลือกตาก่อน เกลี่ยให้เนียน
2. ลงสีขาวตรงหัวตาไล่ลงมาขอบตาล่างครึ่งนึง
3. เขียนขอบตากัน โดยเน้นการไทด์ไลน์และเขียนเส้นบางๆ
4. จากนั้นก็ปัดมาสคาร่าเบาๆ จบปิ้ง!
เปลือกตาแบบพิมฐาเนี่ย นางจะลงเบาๆฟุ้ง แล้วแต้มไฮไลท์ใต้ตา
เพราะฉะนั้นเวลาลงสีอายแชโดว์อาจจะเบามือหน่อยนะคะ
ต่อไปเรามาเพิ่มความวิ้งและออร่าให้ผิวกันด้วยไฮไลท์ค่ะ
วันนี้ใช้ Physician Formula สี beige pearl ปัดทั้งห้าจุดที่แสงตกกระทบให้ทั่วใบหน้า
ใครหน้ามันรูขุมขนกว้าง กลัวว่าจะไปเน้นให้ยิ่งเห็นชัด ก็ปัดเบาๆพอนะคะ
จากนั้นก็ปัดแก้มด้วย Reme สี hot flush
เน้นปัดตรงบริเวณกลางแก้ม ให้ดูเป็นแก้มที่มีสีระเรื่อ สุขภาพดี
สุดท้ายก็ทาลิปทินท์จาก Bisous Bisous สี GTO01
แล้วตามด้วยลิปมันให้ปากดูชุ่มชื้น เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ!
เป็นยังไงบ้างคะสำหรับลุคใสๆย้อนวัย Inspired by พิมฐา
จอสเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัว
ซึ่งบางทีการแต่งหน้าใสๆเบาๆ ก็ทำให้เราสวยแบบธรรมชาติได้
เพียงแค่หาจุดเด่นของเราให้เจอ และอย่าลืมพกความมั่นใจก่อนออกจากบ้านด้วยล่ะ
ดูอย่างพี่จอยวันนี้นอกจากจะมั่นใจแล้วยังมั่นหน้าใส่ชุดนักศักษาไปถ่ายรูปที่ร้านกาแฟอีกด้วย
รู้สึกไม่ชิน เพราะจบมาได้สองปีกว่าแล้ว แต่ก็พอได้ค่ะ ถือว่าย้อนความหลัง ฮ่าๆ
ยังไงก็อย่าลืมลองไปแต่งกันดูบ้างนะคะ แต่งง่ายๆ ใสๆวัยรุ่นชอบ
ไว้พบกันใหม่ค่ะ จุ๊บ!
แต่งหน้า


อัพเดทเรื่องความสวยความงาม เทรนการแต่งหน้า และความรู้เรื่องผู้หญิง ทั้งหมดได้ที่นี่ http://women.sanook.com/beauty/makeup/